วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553

อุทยานหิน ฟอสซิล400ล้านปี ที่แม่สะเรียง


ฟอสซิล 400 ล้านปี ที่แม่สะเรียง
พบฟอสซิลที่บ้าน"ดงสงัด"เพิ่มที่เที่ยวด้านธรณีวิทยา แม่ฮ่องสอน - จังหวัดแม่ฮ่องสอนเตรียมผลัดดัน "บ้านดงสงัด" เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้านธรณีวิทยา หลังพบฟอสซิลซากสัตว์ดึกดำบรรพ์อายุกว่า 400 ล้านปี ในพื้นที่จากการพบฟอสซิล หรือซากดึกดำบรรพ์ อายุประมาณ 400 ล้านปี ในพื้นที่ บ้านดงสงัด ต.แม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งถือเป็นแหล่งฟอสซิลที่มีคุณค่าทางด้านการศึกษาความเป็นมาวิวัฒนาการของโลกนายธงชัย วงศ์เหรียญทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเดชา สัตถาผล นายอำเภอแม่สะเรียง พร้อมด้วยนางเบ็ญจวรรณ รัตนเสถียร อาจารย์พิเศษภาควิชาธรณีวิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้สำรวจซากฟอสซิลที่พบ ซึ่งทางอำเภอแม่สะเรียงเตรียมผลักดันให้เป็นแหล่งเที่ยวแห่งใหม่ในอนาคตนางเบ็ญจวรรณเปิดเผยว่า หลังมีการสำรวจฟอสซิลที่พบว่าสิ่งที่พบมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ซึ่งหินในพื้นที่ดังกล่าวมีลักษณะของแร่ดินแทรกอยู่ เป็นหินยุคออร์โดวิเชียน อายุประมาณ 400 ล้านปี ในอดีตที่ผ่านมาเชื่อได้ว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นทะเลมาก่อนเนื่องจากเบื้องต้นของการสำรวจพบฟอสซิลอย่างน้อย 3 ตัว เช่น ฟอสซิลฟองน้ำ หอย แอมโนโซปัส และรอยแยกของเปลือกโลก ทั้งนี้ แหล่งฟอสซิลพบแห่งนี้นับว่าเป็นแหล่งฟอสซิลที่น่าศึกษามาก คิดว่าในอนาคตน่าจะปรับปรุงให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและศูนย์การเรียนรู้ด้านธรณีวิทยาแก่เด็กเยาวชนและผู้ที่สนใจ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการศึกษาด้านภาควิชาประวัติศาสตร์ โบราณคดีอยู่ระหว่าง วัดพระธาตุจอมทองและวัดบ้านไร่ ไกล้กับบ้านยอดตำลึง แม่สะเรียง บริเวณยอดเขา ไกล้กับฟอสซิล เป็นสำนักสงฆ์ มีน้ำไหลตลอดปี เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การเตรียมตัวสำหรับการขื้นชม เส้นทางขื้นเขาสูงชัน ควรใช้รองเท้าผ้าใบ เตรียมน้ำดื่มและอาหาร ไม่ควรสูบบุหรี่หรือจุดไฟ ห้ามขีดเขียนรูปรอยเด็ดขาด ผู้ที่มีโรคความดันสูงและโรคหัวใจควรระวังเป็นพิเศษ ติดต่อสอบถาม http://ban-yodtumlueng.blogspot.com/
คลิ๊ก อุทยานหิน

วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

น้ำป่าท่วมที่แม่สะเรียง

เหตุการณ์น้ำท่วมที่แม่สะเรียงเกิดจากน้ำป่าไหลหลาก flood events that the maesaraing is born from the flash flood flows น้ำป่าท่วมที่แม่สะเรียง

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2551

บ้านยอดตำลึง แม่สะเรียง สนับสนุนการทำบุญไหว้พระ และการท่องเที่ยวท้องถิ่น


การส่งเสริมการท่องเที่ยวภาคเอกชนสนัสนุนการท่องเที่ยวภาครัฐทุกรูปแบบเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
บ้านยอดตำลึง แม่สะเรียงขอสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าวด้วยความยินดียิ่ง...

เมืองแม่สะเรียง จาก แม่สะเรียง.คอม

แม่สะเรียง มีชื่อเรียกในประวัติศาสตร์ว่า เมืองยวมใต้ หรือเมืองยวม เคยเป็นที่ตั้งชุมชนมาไม่น้อยกว่า 520 ปี เมืองยวมเคยเป็นถิ่นฐานอาศัยของชนเผ่าดั้งเดิม คือ ละว้า และกะเหรี่ยง ต่อมาในปี พ.ศ. 2443 ทางราชการได้ยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอเรียกชื่อว่า “อำเภอเมืองยวม” โดยอาศัยชื่อของลำน้ำแม่ยวมที่ไหลผ่านอำเภอ นายอำเภอคนแรกชื่อ ขุนชำนาญธนานุรักษ์ (นายสวัสดิ์ ชลัย) ต่อมาทางการได้พิจารณาเห็นว่าชื่อ อำเภอเมืองยวมนั้น ไปพ้องกับอำเภอขุนยวม ซึ่งอยู่ในจังหวัดเดียวกัน ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็น “อำเภอ
แม่สะเรียง” ตามชื่อของแม่น้ำแม่สะเรียงที่ไหลผ่านอำเภอีกสายหนึ่งมาจนถึงปัจจุบันนี้

ปัจจุบัน
อำเภอแม่สะเรียง ยังเป็นเมืองสำคัญของ 3 อำเภอ ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนตอนใต้เป็นแห่งเกษตรกรรม พาณิชยกรรม และกระจายสินค้าได้สู่อำเภอต่าง ๆ สามารถส่งเสริมเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้โดยเฉพาะที่จุดพักรับรองนักท่องเที่ยวที่จะเป็นทางต่อไปยังอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนทางธรรมที่สายงาม ของป่าเขาลำเนาไพร แม่มีน้ำสาละวินอันลือชื่อ สวยงามด้วยทิวทัศนร์แปลกตาไปจากแม่น้ำระหว่างประเทศสายอื่น ๆ ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาแวะเวียนตลอดทั้งปี มีผ้าทอด้วยมือของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่มีคุณภาพ มีกล้วยไม้ที่มีกลิ่นเฉพาะ หอมเย็นชื่นใจ คือ เอื้องแซะ นิยมเป็นของขวัญที่ล้ำค่าแก่บุคคลที่รักและเคารพนับถือ นอกจากนั้นยังมีวัดที่บรรจุพระธาตุของที่
ศักดิ์สิทธิ์ 4 แห่ง ได้แก่วัดจอมแจ้ง วัดพระธาตุจอมมอญ วัดจอมทอง และวัดจอมกิตติ บุคคลทั่วไปนิยมไปนมัสการกราบไว้ตามประเพ
ทุ่งบัวตอง ดอยแม่เหาะ
ห่างจากอำเภอแม่สะเรียงประมาณ 16 กิโลเมตร อยู่ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 ตรงหลักกิโลเมตรที่ 84 เขตตำบลแม่เหาะ เป็นที่ตั้งของศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จังหวัดแม่ฮ่องสอน ริมทางในช่วงนี้มีภูมิประเทศที่งดงามของภูเขาและทุ่งดอกบัวตองที่ตระการตาและเบ่งบานสะพรั่งในเดือนตุลาคม - ธันวาคม พระธาตุจอมมอญ
อยู่ที่หมู่ที่ 9 ตำบลบ้านกาด เป็นปูชนียสถานที่มีลักษณะเป็นเจดีย์เก่าแก่ ถือกันว่าเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ และมีงานฉลองในเดือนกรกฎาคมของทุกปี

วัดกิตติวงศ์
ตั้งอยู่ในเขตสุขาภิบาลแม่สะเรียง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่พระครูกิตตินำมาจากวัดศรีสุพรรณ จังหวัดเชียงใหม่ และยังมีพระคัมภีร์โบราณค้นพบในถ้ำผาแดง ริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน เมื่อ พ.ศ. 2511 จารึกประวัติศาสตร์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของล้านนากับพม่า

วัดจองสูงหรือวัดอุทยารมณ์
ตั้งอยู่ในตัวอำเภอแม่สะเรียง เป็นวัดที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2381 เดิมเป็นสำนักสงฆ์มีเจ้าอาวาสเป็นไทยใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2431 ถูกไฟไหม้ และได้บูรณะขึ้นใหม่เป็นวัดจองสูงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2439 ภายในวัดมีเจดีย์ทรงมอญเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี อยู่ 3 องค์ เจดีย์องค์ด้านตะวันตกสร้างเมื่อต้นรัชกาลที่ 6 เจดีย์องค์กลางสร้างเมื่อใดไม่ปรากฏ เชื่อกันว่าเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุ ส่วนเจดีย์องค์ด้านตะวันออกเป็นเจดีย์ 7 ยอด

วัดจอมทอง
ตั้งอยู่ห่างจากอำเภอแม่สะเรียง 1 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายแม่สะเรียง - สบเมย แยกทางซ้ายมือบริเวณสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอน วัดนี้มีจุดเด่นที่พระพุทธรูปขนาดใหญ่ซึ่ง ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาและบนลานพระพุทธรูปนี้สามารถชมทิวทัศน์อันสวยงามของอำเภอแม่สะเรียงได้ โดยเฉพาะบรรยากาศยามพระอาทิตย์ตกในช่วงเย็น

งานประเพณีปอยส่างลอง
หรืองานบวชลูกแก้ว เป็นประเพณีบวชเณรตามธรรมเนียมของชาวไทยใหญ่ เพื่อให้บุตรหลานได้มีโอกาสศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าและมีความเชื่อว่าจะได้รับบุญกุศลจากการบวชสามเณร งานนี้จัดให้มีขึ้นช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ช่วงปิดเทอมฤดูร้อน โดยชาวบ้านจะตกลงกันกำหนดวันนัดหมายให้ลูกหลานได้บวชเรียนพร้อมๆ กัน มีการประดับประดาผู้ที่จะบวชด้วยเครื่องประดับมีค่าอย่างสวยงาม และประกอบพิธีบวชตามวัดที่เจ้าภาพศรัทธาแต่เดิมปอยส่างลองเป็นประเพณีที่จัดเฉพาะในหมู่ญาติมิตรของเจ้าภาพ ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2525 ได้เกิดมีแนวความคิดใหม่โดยจัดเป็นบรรพชาหมู่ร่วมกันมากถึง 200 รูป เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี ทำให้ในเขตอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนนิยมจัดบรรพชาหมู่สืบต่อมาถึงปัจจุบัน ปอยส่างลองจึงได้กลายเป็นประเพณีที่จูงใจให้มีผู้สนใจมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

งานประเพณีจองพารา
คือประเพณีส่วนหนึ่งในงานเทศกาลออกพรรษา (งานปอยเหลินสิบเอ็ด) คำว่า “จองพารา” เป็นภาษาไทยใหญ่แปลว่า “ปราสาทพระ” การบูชาจองพารา คือการสร้างปราสาทเพื่อคอยรับเสด็จพระพุทธเจ้าที่จะเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เทศกาลนี้จัดขึ้นระหว่างวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ถึงวันแรม 8 ค่ำ เดือน 11 โดยก่อนถึงวันงานจะมีการจัดงานตลาดนัดออกพรรษามีการนำสินค้าต่างๆ ที่จะใช้ในการทำบุญ เช่น อาหาร ขนม ดอกไม้ เครื่องไทยทานมาวางขายเพื่อให้ชาวบ้านได้หาซื้อข้าวของเครื่องใช้ในการเตรียมงาน และมีการจัดเตรียมสร้าง “จองพารา” ซึ่งเป็นปราสาทจำลอง ทำด้วยโครงไม้ไผ่ ประดับลวดลายด้วยกระดาษสา กระดาษสีต่างๆ หน่อกล้วย อ้อยและโคมไฟ ตกแต่งอย่างสวยงามเพื่อใช้สมมติเป็นปราสาทรับเสด็จพระพุทธองค์จากสวรรค์ จากนั้นก็จะยก “จองพารา” ขึ้นไว้นอกชายคา นอกรั้ว หรือบริเวณกลางลานทั้งที่บ้านและที่วัดในวันขึ้น 15 ค่ำ อันเป็นวันออกพรรษานั้น ตั้งแต่เช้าตรู่ประชาชนพร้อมใจกันไปทำบุญตามวัด บางวัดจัดให้มีการตักบาตรเทโว ส่วนในตอนเย็นจะนำดอกไม้ธูปเทียนและขนมข้าวต้มไปขอขมาบิดามารดาและญาติผู้ใหญ่ก่อนย่ำรุ่งของวันแรม 1 ค่ำ จะมีพิธี “ซอมต่อ” คือการอุทิศเครื่องเซ่นแก่สิ่งที่ชาวไตถือว่ามีบุญคุณในการดำเนินชีวิต โดยนำกระทงอาหารเล็กๆ ที่จุดเทียนติดไว้ด้วยไปตั้งไว้ตามสถานที่ต่างๆ แสงประทีปนับร้อยนับพันดวงตามวัด สถูป และบ้านเรือนในตอนใกล้รุ่งเป็นภาพที่งดงามน่าประทับใจมากตลอดระยะเวลาของการจัดงานตั้งแต่แรม 1 ค่ำไปจนถึงแรม 8 ค่ำ จะมีการถวายข้าวที่จองพาราวันละครั้งและจุดเทียนหรือประทีปโคมไฟไว้ตลอดในช่วงเวลาตลอดเทศกาล จะมีการละเล่นเฉลิมฉลองหลายชนิด เช่น ฟ้อนโต ฟ้อนรูปสัตว์ต่างๆ ฟ้อนก้าแลว (ฟ้อนดาบ)เฮ็ดกวาม ฯลฯ ตามถนนหนทางและบ้านเรือนต่างๆ เป็นการละเล่นที่สืบเนื่องมาจากความเชื่อว่าสัตว์โลกและสัตว์หิมพานต์พากันรื่นเริงยินดีออกมาร่ายรำเป็นพุทธรูปรับเสด็จก่อนจะถึงวันแรม 8 ค่ำ จะมีพิธี “หลู่เตนเหง” คือ การถวายเทียนพันเล่ม โดยแห่ต้นเทียนไปถวายที่วัด และใน “วันกอยจ้อด” คือวันแรม 8 ค่ำ อันเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลออกพรรษา จะมีพิธี “ถวายไม้เกี๊ยะ” โดยนำฟืนจากไม้เกี๊ยะ (สนภูเขา) มามัดรวมกันเป็นต้นสูงประมาณไม่ต่ำกว่า 2.5 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณไม่ต่ำกว่า 30 เซ็นติเมตร แล้วนำเข้าขบวนแห่ประกอบด้วยฟ้อนรูปสัตว์ต่างๆ และเครื่องประโคมไปทำพิธีจุดถวายเป็นพุทธบูชาที่ลานวัด เป็นอันสิ้นสุดเทศกาลออกพรรษาของชาวไต
ประเพณีลอยกระทง
หรืองานเหลินสิบสอง จัดขึ้นในวันเพ็ญเดือนสิบสอง โดยชาวบ้านจะจัดทำกระทงเล็กๆ ไปลอยตามแม่น้ำ มีการประกวดกระทงใหญ่ที่หนองจองคำ ซึ่งเป็นหนองน้ำสาธารณะกลางเมือง มีการแสดงมหรสพรื่นเริง ตามบ้านเรือนจะมีการจุดประทีปโคมไฟสว่างไสว นอกจากนี้ยังมีการลอยกระทงสวรรค์ โดยนำกระทงที่จุดประทีปโคมไฟแล้วผูกติดกับลูกโป่งลอยขึ้นไปในอากาศ พิธีนี้จัดขึ้นที่วัดพระธาตุดอยกองมูนอกจากนี้ ยังมีศิลปะที่น่าสนใจของชาวไตคือศิลปะการแสดงและดนตรีซึ่งแตกต่างจากของล้านนา และมักจะนำเข้ามาร่วมในงานบุญงานแห่ต่างๆ อยู่เสมอ อาทิ “ฟ้อนกิงกะหล่า” หรือฟ้อนกินรี ซึ่งได้รับความนิยมที่สุด ผู้แสดงจะใส่ปีกใส่หางบินร่ายรำ นอกจากนี้ยังมีการฟ้อนตัวสัตว์ต่างๆ ที่มีความเชื่อว่าอาศัยอยู่ที่ป่าหิมพานต์ เช่น ฟ้อนนก ฟ้อนผีเสื้อ ฟ้อนม้า เป็นต้น

ฟ้อนโต
เป็นการแสดงที่นิยมกันอีกชุดหนึ่ง ตัวโตนั้นเชื่อกันว่าเป็นสัตว์ป่าในหิมพานต์ชนิดหนึ่ง มีเขาคล้ายกวางและมีขนยาวคล้ายจามรี มีลักษณะร่ายรำคล้ายการเชิดสิงโตของจีนนอกจากนี้ ยังมีการแสดงอื่นๆ อีกหลายชุด ได้แก่ “ฟ้อนดาบ” หรือที่เรียกว่า ฟ้อนก้าแลว “ฟ้อนไต” เป็นการฟ้อนต้อนรับผู้มาเยือน รำหม่อง “ส่วยยี” เป็นการรำออกท่าทางคล้ายพม่า และ “มองเซิง” เป็นการรำประกอบเสียงกลองมองเซิง

งานเทศกาลชิมชาบ้านไท
จัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ บริเวรหมู่บ้านรักไท หมู่ 6 ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมือง หมู่บ้านรักไทเป้นหมู่บ้านชายแดน อยู่ในความควบคุมของกองทัพภาคที่ 3 ราษฏรมีอาชีพปลูกชาเป็นหลักมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางขึ้นไปเที่ยวเป็นจำนวนมากการจัดงานเทศกาลชิมชานี้ เพื่อเป็นกาลสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกชาและส่งเสริมการท่องเที่ยวของหมู่บ้าน ภายในงานมีการขี่ม้ารอบหมู่บ้าน เที่ยวชมธรรมชาติ ชิมชาชั้นดี ชมการแสดงจากชาวจีนยูนาน และการละเล่นพื้นบ้าน

งานเทศกาลดอกบัวตอง
จะจัดขึ้นประมาณเดือนพฤศจิกายนของทุกปี “ดอกบัวตอง” เป็นดอกไม้ป่าสีเหลืองคล้ายดอกทานตะวันแต่ขนาดเล็กกว่า มักขึ้นอยู่ตามป่าเขาสูงทางตอนเหนือของประเทศไทย ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนจะมีมากที่บริเวณบ้านแม่เหาะ อำเภอแม่สะเรียง และดอยแม่อูคอ อำเภอขุนยวม เมื่อถึงระยะที่ดอกบัวตองบานตามริมเส้นทางตลอดจนภูเขาที่สลับซับซ้อนกันอยู่นั้นจะเป็นสีเหลืองสว่างไสวไปด้วยสีของดอกบัวตองดูงดงามมาก ทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนจึงได้จัดงานเทศกาลบัวตองบานขึ้นเพื่อเป็นการชมความงามของธรรมชาติ และชมวัฒนธรรมประเพณีของชาวไต และชาวไทยภูเขา โดยจะจัดที่บริเวณอำเภอขุนยวม ในงานมีการละเล่นและมหรสพทั้งของพื้นเมืองและร่วมสมัย มีการประกวดธิดาบัวตอง การแสดงศิลปวัฒนธรรมชาวไทยภูเขา การแสดงสินค้าพื้นเมือง การแข่งขันกีฬาชาวดอย ฯลฯ ตลอดจนนิทรรศการต่างๆ และการนำเที่ยวชมดอกบัวตองบนดอยแม่อูคอ

ทำบุญไหว้พระหลายวัดที่แม่สะเรียง

อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เดิมชื่อเมืองยวม เป็นชุมชนเมืองเก่าแก่มานาน ที่มีวัฒนธรรมที่หลากหลายเชื้อชาติและชนเผ่า หลายศาสนา แต่ความแตกต่างดังกล่าวหาได้ทำให้การอยู่ร่วมกันไม่มีปัญหาแต่อย่างใดสามารถประกอบอาชีพและมีส่วนร่วมกับชุมชนอย่างมีอัธยาศัย พึ่งพากันเป็นอย่างดี
ทางด้านศาสนามีสถานที่ประกอบศาสนกิจของแต่ละศาสนาเช่น วัดไทย วัดไทยใหญ่ วัดพม่า โบสถ์คริสเตียน โบสถ์คริสตัง มัสยิส
สำนักสงฆ์ สำนักฤษี บางกลุ่มยังนับถือ ผีต่างๆก็มี
เมืองแม่สะเรียงได้ชื่อว่าเป็นมืองพระธาตุ สี่จอมและยังมีวัดที่มีศิลปะที่แตกต่างทั้งล้านนา ไทยใหญ่ พม่า รวมทั้งพระพุทธรูปในแบบต่างๆ วัดบนพื้นราบและวัดที่อยู่บนภูเขา แต่ไม่ไกลนักสามารถเยี่ยมชม ทำบุญไหว้พระได้หลายวัดในเวลาไม่นาน ยังมีโอกาสได้ชม ศึกษาความเป็นอยู่ในท้องถิ่นอีกด้วย